ปริมาณกรดยูริคที่มากเกินไปในร่างกายของเราทำให้เกิดโรคเกาต์ รักษาโรคเก๊าท์เพิ่มขึ้นจะสะสมในข้อต่อแทนที่จะถูกกำจัดโดยไต โรคเกาต์ทำให้เกิดการอักเสบและบวมที่เท้าเข่าข้อมือข้อศอกและมือ ในบางครั้งการสะสมนี้สามารถสังเกตได้ในไตบริเวณด้านล่างผิวหนังและในทางเดินปัสสาวะ อาการของโรคเกาต์คือการอักเสบของข้อต่อและความเจ็บปวด อาการเหล่านี้จะปรากฏเฉพาะในช่วงกลางคืนเท่านั้น

การใช้การเยียวยาที่บ้านคุณสามารถรักษาโรคเก๊าท์

ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุณจะได้รับความโล่งใจอย่างมากจากอาการปวดที่เกิดจากโรคเกาต์ เตรียมส่วนผสมจากน้ำ 150 มล. และน้ำที่ได้จากครึ่งหนึ่งของมะนาว ดื่มยานี้ 3 ครั้งต่อวัน เนื่องจากมะนาวเป็นแหล่งวิตามินซีที่อุดมไปด้วยจึงมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมในการช่วยในการละลายรักษาโรคเก๊าท์

การดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวันคุณจะลดการโจมตีของโรคเกาต์และเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไต ถั่วฝรั่งเศสมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาโรคเกาต์ บีบถั่วฝรั่งเศสเพื่อให้ได้น้ำประมาณ 25-30 มิลลิลิตรและดื่มน้ำวันละ 2 ครั้ง การรักษานี้มีความสามารถในการลดการอักเสบและรักษาโรคเกาต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บดมัสตาร์ดบางอย่างเพื่อให้ได้ผง รักษาโรคเก๊าท์ผสมผงแป้งและน้ำส้มสายชูกับน้ำให้เข้ากัน ผสม 2 ช้อนโต๊ะรักษาโรคเก๊าท์กับ 2 ช้อนโต๊ะน้ำผึ้งและใช้ส่วนผสมนี้ก่อนเข้านอน ใช้ส่วนผสมนี้ทุกเย็นสำหรับ 4-5 เดือน แช่เท้าของคุณในอ่างน้ำอุ่นที่คุณละลายเกลือ ถ้วยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำเช่นนี้ทุกวันก่อนนอน

อุ่นน้ำมันละหุ่งบาง ๆ และจุ่มผ้าสักหลาดไว้ ห่อหุ้มผ้ารอบบริเวณที่ได้รับผลกระทบและใช้แผ่นความร้อนบางส่วนเหนือ การรักษานี้จะช่วยให้คุณบรรเทาอาการปวด ก้อนน้ำแข็งที่ใช้ในพื้นที่ที่เจ็บปวดจะมีการบรรเทาชั่วคราว แต่ทันที ผสมถ้วยน้ำกับถ้วยน้ำส้มสายชูและเพิ่มช้อนชาพริกไทย แช่ผ้าฝ้ายไว้ในสารละลายนี้และตบเบา ๆ บริเวณที่เจ็บปวด

กล้วยเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของฟอสฟอรัสและแร่ธาตุอื่น ๆ และนั่นเป็นเหตุผลที่มันเป็นวิธีการรักษาที่ดีสำหรับโรคเกาต์ จะช่วยขจัดตะกรันและป้องกันโรคเกาต์คนที่ทนทุกข์ทรมานจากโรคเกาต์ควรกิน 4-5 กล้วยทุกวัน ผลไม้รสมะนาวมะเขือเทศผลเบอร์รี่ผักใบเขียวและพริกเขียวเป็นแหล่งอุดมไปด้วยวิตามินซีและไม่ควรพลาดจากอาหารของบุคคลที่ต้องเผชิญกับโรคเกาต์ สตรอเบอร์รี่เชอร์รี่และแอปเปิ้ลยังเป็นประโยชน์มากในรักษาโรคเก๊าท์

หลายท่านประสบปัญหาอาการนอนกรนจากตัวของท่านเอง หรือแม่แต่คนใกล้ชิดก็ตาม จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาการนอนกรนนั้น เกิดจากอะไรกันแน่ และมันจะเกิดปัญหาหรือบ่งชี้ถึงปัญหาได้ในอนาคตหรือไม่ และมีวิธีการแก้ไขย่างไรบ้าง ที่จะทำให้อาการนอนกรนนั้นหายไป

เรามารู้กันก่อนครับว่าอาการนอนกรนที่เราเป็นปัญหา หรือผู้ที่ใกล้ชิดกับเราที่กำลังเป็นปัญหาอยู่นั้นเกิดจากอะไร อาการนอนกรนเกิดจากการที่ขณะหลับมีการสั่นสะเทือนของลิ้นไก่และเพดานอ่อนที่แรงมากกว่าปกติครับ เนื่องจากตอนนอนกล้ามเนื้อส่วนนี้มีการหย่อนคล้อยลงมา ทำให้เกิดการปิดกั้นเส้นทางการหายใจ เราจึงหายใจเอาอากาศเข้าสู่หลอดลมและปอดได้ไม่สะดวก ลมที่ถูกปิดกั้นนี้ทำให้ลิ้นไก่และเพดานอ่อนเกิดการสั่นกระพือจนเกิดเป็นเสียงกรนขึ้นนั่นเองครับ

ส่วนวิธีสังเกตว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ ในบางครั้งผู้ที่นอนกรนไม่สามารถรู้ว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยหรือไม่ อาจให้คนใกล้ชิดช่วยสังเกตอาการให้ เช่น มีอาการสะดุ้งตื่น หรือมีอาการคล้ายๆ สำลักน้ำ หรือมีอาการหายใจอย่างแรงเหมือนขาดอากาศ หรือไม่ หรืออาจพิจารณาด้วยตนเองว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่านอนหลับไม่เต็มอิ่ม รู้สึกไม่สดชื่น ทั้งที่มีเวลานอนพียงพอหรือปวดศีรษะเป็นประจำในตอนเช้า เป็นต้น อาการเหล่านี้เป็นอาการที่เราสามารถสังเกตได้จากคนใกล้ชิดเรา และตัวของเราเองครับ

หากใครยังคงกังวนอยู่ ปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างยิ่งครับ สามารถไปพบแพทย์หรืออาจจะใช้เครื่องรักษาอาการกรนได้ด้วยครับ

ถ้าหากว่าวิธีแก้การนอนกรนของคุณไม่ได้ผล ควรไปพบนาสิกแพทย์เพื่อรับการบำบัดที่ถูกต้อง ซึ่งอาจต้องใช้เครื่องมือในการบำบัดดังต่อไปนี้

สามารถใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้อากาศผ่านเข้าออกได้อย่างสะดวกในขณะนอนหลับ โดยการอัดอากาศเข้าไปในหน้ากากที่คุณสวมขณะนอนหลับ อีกทั้งยังมีเครื่องมือทันตแพทย์สำหรับถ่างขากรรไกร เป็นเครื่องมือทางการแพทย์คล้ายกับการ์ดป้องกันคางสวมใส่โดยนักกีฬาในขณะแข่งขัน ซึ่งสามารถช่วยให้อากาศไหลผ่านได้อย่างสะดวกโดยการถ่างขากรรไกรออกหรือเปลี่ยนตำแหน่งของลิ้นในขณะนอนหลับ เครื่องมือชนิดนี้ควรจะมีขนาดพอดีกับปากของคุณ และส่วนอื่นๆ ที่เข้ากับสรีระศีรษะและคางของคุณ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนาสิกสามารถช่วยปรับแต่งเครื่องมือชนิดนี้ให้พอดีกับสรีระของคุณได้

ทั้งยังมีการผ่าตัด เป็นการการผ่าตัดขยายขนาดหลอดลมโดยนำเอาเนื้อเยื่อส่วนที่เกินออก ด้วยเลเซอร์ ไมโครเวฟ หรือวิธีอื่นๆ เช่น อาจจะเป็นการผ่าตัดต่อมทอลซิล หรือเนื้อเยื่อที่ด้านหลังของคอหรือข้างในโพรงจมูก หรือการปรับแต่งขากรรไกรใหม่ ด้วยวิธีแก้การนอนกรนโดยการผ่าตัดด้วยวิธีการใหม่ๆ ที่ได้ผล เช่น การฝังพลาสติกขนาดสั้นกว่า 1 นิ้ว เข้าไปในเพดานปากด้วยเครื่องมือพิเศษคล้ายไซริง ซึ่งอาจมีความเจ็บปวดและผลข้างเคียงเล็กน้อย วิธีดังกล่าวจะช่วยให้เนื้อเยื่อที่เกิดจากการผ่าตัดช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ทำให้เกิดการนอนกรนได้ ข้อเสียของการรักษาวิธีแก้การนอนกรนด้วยวิธีนี้คือมีค่าใช้จ่ายสูงและประกันสุขภาพไม่ครอบคลุมถึงการผ่าตัดรักษาอาการนอนกรน